บทความ

๏ หลวงพ่อสุ่นเสกใบไม้เป็นปลา ๏

รูปภาพ
ตำนานเล่าขานฤทธิ์อภิญญาหลวงพ่อพระอุปัชฌาย์สุ่น พระเถราจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองพระนครศรีอยุธยา (อ่านจบแล้ว รวมกันแชร์เผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา ขอบคุณครับ) เมื่อครั้งหลวงพ่อพระอุปัชฌาย์สุ่น วัดบางปลาหมอ กำลังสร้างอุโบสถใหม่ ขณะนั้นปรากฏว่ามีช่าง สำหรับคนที่เป็นนายช่าง ๓ - ๔ คนมาควบคุมการสร้างพระอุโบสถ เขามาช่วยท่านด้วยศรัทธาจริงๆ ไม่ใช่จะมารับจ้าง เรื่องการเงินการทองนี่เขาไม่ขอรับ และอาหารการบริโภคเขาก็เอามาหมดทุกอย่าง เขาหามากินเองไม่รบกวนทางวัด แรงงานทั้งหมดก็ได้ชาวบ้านช่วยกัน แล้วก็ช่วยกันจัดหาวัสดุก่อสร้างทุกอย่าง คนสมัยนั้นเขามีศรัทธามาก ขณะที่สร้างพระอุโบสถ ตอนเย็นวันหนึ่งท่านเดินไปดูนายช่าง เห็นนายช่างซื้อหมูบ้างซื้อเนื้อบ้างกินวันละเล็กวันละน้อยไม่มากรู้สึกว่าจะเป็นคนเขียมๆ คือไม่มีค่าจ้างค่าออน ก็กินกันตามอัตภาพที่จะพึงหาได้ ท่านก็เลยบอกพวกนายช่าง บอกว่า "พวกแกมาทำงานวัดนี่ แกจะมาซื้อกับกินทำไม ปลาในสระมีเยอะแยะไป ทำไมแกไม่ไปตกมากิน" นายช่างก็บอกว่า "ปลาวัดมันบาปครับ และปลาไม่ใช่ปลาวัดก็บาป แต่ผมก็หาอยู่ บ้านผมก็หา แต่ปลาวัดผมถือครับ ผมไม่กินหรอกเพราะมันบาปมาก&

ดับทีเหตุ

รูปภาพ
ธรรมโอสถจากพระโอษฐ์ที่ท่านตรัสทิ้งไว้ ว่า"เหตุถ้าเกิดที่ใด ก็ให้ไปดับที่เหตุแห่งทุกข์นั้น" เรียกว่าความจริงอันประเสริฐที่ท่านได้สัมผัสได้เห็น นั่นคืออริยสัจธรรม ๔ ประการ เป็นความจริงที่โยมต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง นั่นคือทุกข์มีอยู่ในกายนี้จริง สมุทัยเหตุแห่งทุกข์ก็อยู่ที่ใจนี้ นิโรธคือการดับทุกข์ ถ้าโยมเห็นเหตุแล้วรู้เหตุได้ เมื่อโยมแค่ไปเห็นเท่านั้นตัวปัญญาก็จะบังเกิด ก็จะรู้ว่าต้องดับอย่างไร ก็เพราะว่าใจเรานั้นแลไปยึดไปติดไปพอใจ นิโรธมันก็จะเกิดขึ้น เมื่อไฟมันดับแล้ว จิตใจก็สงบเยือกเย็นแล้ว โยมย่อมเห็นทางเดินด้วยปัญญา คือมรรค คือทางเดิน นี้แลควรทำให้แจ้งอยู่บ่อยๆ แล้วโยมจะอ่านตำราอะไรก็ได้อย่างถ่องแท้และเข้าใจ ถ้าโยมไม่เข้าใจในอริยสัจ ๔ แล้วไซร้ ให้โยมอ่านตำราทั้งตู้พระไตรปิฎกให้เจนจบแค่ไหน โยมก็ไม่เข้าถึงหัวใจของพระไตรปิฎกได้ ยิ่งอ่านยิ่งติด ยิ่งรู้ยิ่งยึด ยิ่งยึดยิ่งหลง เข้าใจมั้ยจ๊ะ ดังนั้นผู้ใดต้องการรู้ต้องลงมือค้นหาตู้พระไตรปิฎกที่แท้จริงในกายนี้ คือรอบรู้ในกองสังขาร อาการที่เกิดขึ้นในกาย เข้าใจมั้ยจ๊ะ ประตูแห่งนรกที่เขาเปิดออก มันก็มีที่มนุษย์นั้นไปเปิดรับอารมณ์เข้ามาเ

เซลสมองของมนุษย์มันทำหน้าที่คล้ายกับ "เซลจุลจักรวาล"

รูปภาพ
เซลสมองของมนุษย์มันทำหน้าที่คล้ายกับ "เซลจุลจักรวาล" รูปลักษณ์ของมันเปรียบ เสมือนอาณาจักร์ที่ยิ่งใหญ่ "แกแลคซี่ทางช้างเผือก" ของเรา?... ในเซลๆ หนึ่งของสิ่ง มีชีวิตที่เรียกว่า "มนุษย์" มันเป็นเสมือนอาณาจักร์ที่ยุ่งยากซับซ้อน และ สวยงามยิ่งนัก มันดูเหมือนจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับอาณาจักร์ใหญ่ของดวงดาวที่เรียกว่า "แกแลคซี่" ระบบกลไกอันสลับซับซ้อนของเซล ได้รับการพัฒนามาอย่างระมัดระวังด้วยเวลากว่า 4 พันล้านปี โดยธรรมชาติ ข้างในเซลเปรียบประดุจโครงสร้างแห่งสถาปัตยกรรมอันยอดเยี่ยม เต็มไปด้วยทางคดเคี้ยวสลับซับซ้อนยิ่งกว่าเขาวงกต เป็นโครงสร้างที่สามารถสร้างตัวเองได้ สามารถขนถ่ายเทโมเลกุลผ่านไปมาได้ มีแหล่งเก็บสะสมพลังงาน มีศูนย์ควบคุมสำหรับเตรียมพร้อมในการจำลองถอดแบบตัวเองอยู่อย่างเสร็จสรรพ... วงการแพทย์ทราบกันมานานแล้วว่า สมองแต่ละซีก เหมือนส้มโอสองกลีบใหญ่ นำมาประกบกัน ถ้าดูจากรูปร่างทางกายภาพภายนอกจะบอกได้ว่า สมองทั้งสองซีกนั้นเหมือนกัน เพราะมันดูสมมาตร กลมกลืน และ มีขนาดเท่ากัน สมองแต่ละซีกจะควบคุมและรับสัมผัสร่างกายในด้านตรงกันข้าม คือ สมองซีกซ

#ยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎกฉบับฉบับหลวงปู่เทพโลกอุดร

รูปภาพ
บอกเล่าให้ลูกหลานรู้ไว้  ยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎกแต่งโดยหลวงปู่เทพโลกอุดร. ตามประวัติเล่าขานสืบทอดมาบอกว่า ต้นฉบับเดิมเปิดกรุได้ที่เมืองสวรรค์โลก จารเป็นอักษรขอม จารึกไว้ในใบลาน โบราณาจารย์จึงได้แปลเป็นอักษรไทย  หลวงธรรมาธิกรณ์ (พระภิกษุแสง - ศิษย์หลวงปู่ใหญ่) ได้มาแต่พระแท่นศิลาอาสน์ มณฑลพิษณุโลก  มีคำกล่าวในหนังสือนำนั้นว่า  "ผู้ใดมียอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกไว้ประจำบ้านเรือน มีอานิสงส์ยิ่งกว่าได้สร้างพระเจดีย์ทองคำสูงเทียมเทวโลกและป้องกันภยันตรายต่าง ๆ ทำมาหากินเจริญ ฯลฯ" ต่อไปนี้คือ บทสวดยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก  บทประพันธ์โดย หลวงปู่เทพโลกอุดร  ร้อยเรียงจากใจความสำคัญที่สุดในพระไตรปิฎก.  มีอานุภาพมหาศาล แม้สวดคาถาอื่นใดทุกวันเป็นเวลาร้อยปียังสู้สวดพระคาถานี้เพียง 1 จบมิได้  อานิสงส์ครอบจักรวาล ให้ลูกหลานจงหมั่นสวดด้วยใจเคารพบูชา  นะลูกหลานเอ๊ย๚  (ฉบับที่หลวงปู่ใหญ่เผยแพร่คราวนี้มีแปลเป็นภาษาไทยให้คนยุคนี้เข้าใจด้วย) ------------------------ ๑. อิติปิโสภะคะวา อะระหัง วะตะ โสภะคะวา ฯ อิติปิโสภะคะวา สัมมาสัมพุทโธ วะตะโสภะคะวา ฯ อิติปิโสภะคะวา วิชชาจะระณะสัมปันโน วะตะโสภะคะวา ฯ อิติป